Diary





โลกกลมๆ ใบนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี

ของฟรีไม่เคยมี ของ
ดีไม่เคยถูก
อยู่ให้ไว้ใจ ไปให้
คิดถึง
คน
เราต้องเดินหน้า เวลายังเดินหน้าเลย
ไม่ต้องสนใจ
ว่าแมวจะสีขาวหรือดำ ขอให้จับหนูได้ก็พอ
ยิ่งมีใจศรัทธา ยิ่งต้องมีสายตาที่เยือกเย็น ในโลกกลม ๆ ใบนี้ ไม่มีคำว่า }แน่นอน~

คนเรา
เมื่อ ตัวตายก็ต้องลงดิน

ท้อแท้ได้ แต่อย่าท้อถอย  อิจฉาได้ แต่อย่าริษยา พักได้
แต่อย่าหยุด

เหตุผล
ของคน ๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่ของคน อีกคนหนึ่ง
ถ้าไม่ลอง
ก้าว  จะไม่มีวันรู้ได้เลยว่า  ข้างหน้าเป็นอย่างไร
หนทาง
อันยาวไกลนับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรกก่อนเสมอ
ปัญหา
ทุกอย่าง อยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น
จะเห็นค่า
ของความอบอุ่น เมื่อผ่านความเหน็บหนาวมาแล้ว
อันตราย
ที่สุดคือ การคาดหวัง เริ่มต้นดีแล้ว ลงท้ายก็ต้องดีด้วย
อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่

จง
ใช้สติ อย่าใช้อารมณ์
เบื้องหลังความเข้มแข็ง สมควรมี
ความอ่อนโยน
ไม่มีคำว่า บังเอิญ ในเรื่องของความรัก มีแต่คำว่า
ตั้งใจ
ยินดี
กับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป  
หลังพายุ
ผ่านไป ฟ้าย่อมสดใสเสมอ

หลังผ่านปัญหา จะรู้ว่าปัญหานั้น
เล็กนิดเดียว

ไม่เป็น
ขุนนางนะ ได้ แต่ไม่เป็นคนไม่ได้
มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มี
วันหน้า วันหลัง  

เมื่อวาน
ก็สายเกินแล้วพรุ่งนี้ ก็สายเกินไป
อย่าหวัง
ว่าจะได้รับความรัก จากคนที่คุณรัก
เพราะคนที่คุณรัก ไม่ได้รักคุณ หมดทุกคน

เพื่อนทั่วไป
ไม่เห็นคุณร้องไห้  
เพื่อนแท้
มีหัวไหล่ไว้คอยซับน้ำตาให้
เพื่อนทั่วไป
ถือขวดไวน์ติดมือมางานปาร์ตี้ของคุณ
เพื่อนแท้
จะมาแต่หัววันเพื่อช่วยเตรียมงาน
เพื่อนทั่วไป
คาดหวังให้คุณเคียงข้างเขาเสมอ
เพื่อนแท้
คาดหวังที่จะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป
เพื่อนทั่วไป เข้าหาผลประโยชน์ ที่ได้รับจากเรา
+++++++++++++++++++++++++++++++


ข้อคิดสั้นๆที่มีคุณค่า
ไม่มีความคิด ก็ไม่รู้คุณค่าของแสงตะวัน
ไม่มีความหนาวเย็น ก็ไม่รู้คุณค่าของความอบอุ่น
ไม่มีความสูญเสีย ก็ไม่รู้คุณค่าของการมี

เวลาเป็นสิ่งที่ผ่านแล้วผ่านเลย แต่น่าแปลกที่หลายคนชอบใช้เวลาไปกับการดูเวลา
 
ตะบองเพชรที่ยืนกลางแดดแผดเผาชั่วนาตาปี ยังออกดอกงดงามได้
อุปสรรคจะเป็นอุปสรรคก็ต่อเมื่อเรามองมันเป็นอุปสรรค

ความรู้เป็นคนละเรื่องกับการเข้าโรงเรียน
 
ต้นหญ้าที่ถูกไฟป่าเผาผลาญ
ผลิใบใหม่ออกมาเสมอเมื่อมีโอกาส
เกิดเป็นคน กลัวอะไรกับอุปสรรค

มองโลกด้วยหัวใจ ไม่ใช่ด้วยสายตาอย่างเดียว
 
อุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างทาง ทำให้การเดินทางมีรสชาติมากขึ้น

เราแสดงความสุภาพต่อผู้อื่น มิใช่เพราะมารยาทสังคม
หากแต่เพราะเรามีคุณค่าพอที่จะทำสิ่งดี ๆ ในชีวิต
 
ทุกสิ่งมองได้สองด้านเสมอ

เวลาเป็นธรรมชาติที่รีไซเคิลไม่ได้
 
ใช้เวลาปัจจุบันไปกับอดีตและอนาคตเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า

การเรียนรู้ที่สำคัญที่สุด คือ ความสามารถที่จะรู้ว่า เราไม่รู้อะไร
 
เมื่อท้องอิ่ม เรารู้สึกว่าต้องการอะไรจากโลกน้อยลง

วุฒิภาวะมิใช่ได้มาจากการใช้จ่ายเงิน ซื้อมา แต่จากการใช้จ่ายชีวิต
 
จงรู้เท่าทันความทุกข์ที่เกาะใจเรา

รู้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ อันตรายกว่าไม่รู้เลย
 
ไม่มีอะไรเลวร้ายที่สุด นรกของคนหนึ่งอาจเป็นสวรรค์ของอีกคนหนึ่ง
เรื่องคอขาดบาดตายของคนหนึ่งอาจเป็นเรื่องธรรมดาของอีกคนหนึ่ง

ไม่มีอะไรในโลกที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
 
ความอ่อนไหวไม่ใช่เรื่องอ่อนแอ
ความแข็งแกร่งก็ไม่ใช่ความเข้มแข็งเสมอไป
เพราะชีวิตที่ดีคือการรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา

รอยยิ้มก็เช่นแสงแดดในฤดูหนาวและลมเย็นในฤดูร้อน
 
การพูดจาสกปรกเท่ากับการดูแคลนตัวเองอย่างหนึ่ง

การรู้จักรับรู้ความงามในสิ่งที่ไม่น่าดูงาม เป็นกำไรชีวิตอย่างหนึ่ง
 
คุณค่าของมนุษย์อยู่ที่เนื้อใน

การปฏิเสธจุดอ่อนของตน ก็เหมือนการไม่ยอมรับว่ามีรูรั่วบนเรือที่กำลังแล่น
 
คุณค่าของการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย
อาจอยู่ที่การใช้ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัย

คุณค่าของคนก็เช่นคุณค่าของดอกไม้
มิได้อยู่ที่ระยะเวลาของความสด
แต่อยู่ที่ความทรงจำระหว่างที่มันยังสด
 
กฎระเบียบกับดักเป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน


+++++++++++++++++++++++++++++++

นิทานสอนคน


ใบ้กตัญญู เรื่องสั้นสอนคน เจ้าใบ้เป็นลูกกตัญญู เขามีมารดาที่ชรามากแล้ว ไม่ว่ามารดาจะหิวหรือหนาว เจ้าใบ้มักจะรู้ก่อนเสมอ โดยไม่ต้องรอให้มารดาบอก ครอบครัวเจ้าใบ้ยากจนไม่มีอะไรจะกิน จึงต้องไปขออาหารที่คนเขากินเหลือมาเลี้ยงดูมารดา เมื่อได้อาหารมา เขาจะต้องเอาไปวางต่อหน้ามารดา รอจนกว่ามารดากินอิ่มแล้วตนถึงจะกิน หากมารดายังไม่ได้กิน เขาไม่เคยที่จะกินก่อน เวลาที่มารดาอารมณ์ไม่ดี เขาจะแสดงเป็นตัวตลกเต้นระบำเหมือนเด็ก ๆเพื่อให้มารดาขำขันคลายอารมณ์
มารดาเขามีลูกเพียงคนเดียวคือเจ้าใบ้ แรก ๆ เมื่อนางรู้ว่าลูกชายเป็นใบ้ก็รู้สึกเสียใจ ต่อมาก็ทำใจได้ ครั้นเวลาผ่านไปนานเข้านางกลับรู้สึกว่าการมีลูกเป็นใบ้แต่กตัญญูยังดีกว่าลูกคนอื่นที่ไม่ใบ้เสียอีก ต่อมามารดาเจ้าใบ้ใด้เสียชีวิตลง ขณะที่คนในหมู่บ้านกำลังปรึกษาถึงเรื่องการบริจาคเงินช่วยงานศพ เจ้าใบ้ก็โผล่เข้ามาแล้ว จูงมือพวกชาวบ้านไปที่ข้างบ่อน้ำแห่งหนึ่ง แล้วชี้มือชี้ไม้ลงไปในบ่อ ทีแรกทุกคนไม่เข้าใจความหมาย ครั้นเมื่อไต่เชือกลงไปดูก็ได้พบเงินเหรียญจำนวนมากมาย ซึ่งเพียงพอแก่การซื้อโลงและค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพมารดา ก็ไม่ทราบว่าเงินเหล่านี้ได้มาจากไหน บางคนว่าทุกวันเมื่อเจ้าใบ้กลับจากการขอทาน เขาจะต้องโยนสตางค์หนึ่งอันลงไปในบ่อ สะสมเป็นเวลาหลายปี จึงมีเงินมากมายเช่นนี้หลังจากงานศพของมารดาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่มีผู้ใดพบเห็นเจ้าใบ้อีกเลย
++++++++++++++++++++++++